ลองนึกภาพตามผมดูครับนะครับ… อยู่ๆฝนก็ตกหนัก ลมแรง ฟ้าร้องดังเปรี้ยง! แล้วไฟก็ดับพรึ่บ ทั้งบ้านมืดสนิท แล้วมือถือดันใกล้แบตหมดอีก ไหนจะพัดลมก็ไม่หมุน จะทำอะไรก็ติดขัดไปหมด หลายบ้านคงเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้แหละผมว่า แล้วคุณเคยคิดไหมครับว่า…ถ้ามี เครื่องปั่นไฟ สักเครื่องก็คงดี เพราพงั้นเข้าเรื่องเลยล่ะกันครับในบทความนี้ ผมขอชวนคุยกันแบบสบายๆว่า เครื่องปั่นไฟ จำเป็นแค่ไหนสำหรับบ้านของคุณ และเราจะพาไปดูทุกมุมที่ควรรู้ ก่อนจะตัดสินใจซื้อ หรือใครยังชั่งใจอยู่ มารวมตัวกันตรงนี้เลย!
ทำความเข้าใจ เครื่องปั่นไฟ คืออะไร?
เครื่องปั่นไฟ หรือ Generator ก็คืออุปกรณ์สารพัดประโยชน์ที่ช่วยเปลี่ยนพลังงานกล (อย่างพลังงานจากเครื่องยนต์) ให้กลายเป็นไฟฟ้าที่เราใช้ในบ้านนั่นเองครับ
พูดง่ายๆ ก็คือ มันเหมือนมีโรงไฟฟ้าขนาดจิ๋วอยู่ที่บ้านเรา ไม่ว่าเราจะใช้น้ำมันเบนซิน ดีเซล หรือแม้แต่แก๊ส เครื่องก็จะทำงานโดยการหมุนเครื่องยนต์ ซึ่งการหมุนนั้นจะทำให้เกิดแรงแม่เหล็กและสร้างกระแสไฟฟ้าออกมาให้เราใช้ได้เลยทันที เหมาะมากสำหรับช่วงที่ไฟดับ เพราะไม่ต้องรอการไฟฟ้า แค่สตาร์ทเครื่อง ก็มีไฟใช้งานต่อเนื่องได้ทันที!
เหตุผลที่ควรมี เครื่องปั่นไฟ ติดบ้านไว้
ไฟดับบ่อยในพื้นที่
ถ้าคุณอยู่ในพื้นที่ที่ไฟชอบดับแบบไม่บอกล่วงหน้า โดยเฉพาะในต่างจังหวัดหรือหมู่บ้านจัดสรรใหม่ ๆ ที่สายไฟยังไม่ค่อยเสถียร บอกเลยครับว่าเครื่องปั่นไฟนี่แหละคือผู้ช่วยชีวิตตัวจริง! มันช่วยให้ทุกอย่างในบ้านยังเดินหน้าต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นเปิดไฟ ทำกับข้าว เปิดพัดลม ชาร์จแบต หรือแม้แต่ดูซีรีส์ต่อแบบไม่ขาดตอน ชีวิตไม่สะดุดแน่นอนครับ
มีสมาชิกในบ้านที่ต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์
ในบ้านที่มีผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่ต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจ หรือเตียงปรับระดับไฟฟ้า เรื่องไฟฟ้านี่ถือว่าสำคัญสุดๆ เลยครับ ไฟดับขึ้นมาแค่ไม่กี่นาที ก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบต่อสุขภาพหรือความปลอดภัยได้ทันที การมีเครื่องปั่นไฟติดบ้านไว้จึงเปรียบเสมือนมีตัวช่วยที่พร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินตลอดเวลา สบายใจกว่ากันเยอะครับ
ป้องกันความเสียหายจากตู้เย็น แอร์
ของสดในตู้เย็น อย่างเนื้อ หมู ไก่ อาหารแช่แข็ง หรือแม้แต่ยาแช่เย็นบางชนิด ถ้าไฟดับนาน ๆ นี่บอกเลยครับว่าเสี่ยงเสียหายได้ง่ายมาก ยิ่งถ้าไฟดับช่วงกลางคืน ตื่นเช้ามาอาจเจอกลิ่นไม่พึงประสงค์เอาได้ง่าย ๆ เลย การมีเครื่องปั่นไฟไว้ติดบ้าน จะช่วยให้ตู้เย็นยังทำงานต่อเนื่อง รักษาอุณหภูมิได้ ไม่ต้องกังวลว่าของในตู้จะเสียหาย หรือกลายเป็นภาระให้ต้องจัดการทีหลังครับ
ทำงานจากบ้าน หรือใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลัก
ในยุคที่หลายคนต้องทำงานจากบ้าน (Work from Home) หรือเรียนออนไลน์กันเป็นเรื่องปกติ ไฟดับขึ้นมานิดเดียวก็อาจทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้เลยครับ ลองนึกดูสิ กำลังประชุมออนไลน์อยู่ดี ๆ ภาพค้าง เสียงหาย แล้วหลุดออกจากห้องประชุมแบบไม่รู้ตัว หรือกำลังพิมพ์งานส่งลูกค้าแล้วเครื่องดับพรึ่บ งานยังไม่ได้กดเซฟเลย แบบนี้ใครจะไม่ปวดหัวบ้างล่ะ! เครื่องปั่นไฟจึงเป็นเหมือนแบ็กอัปสำคัญ ที่ช่วยให้คุณทำงานหรือเรียนได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องเครียดเวลาสัญญาณไฟขัดข้องครับ
เพิ่มความปลอดภัยในเวลากลางคืน
ไฟดับตอนกลางคืนทีไร บ้านก็มืดสนิทแบบมองไม่เห็นแม้แต่ทางเดินในบ้านเองเลยครับ นอกจากจะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยแล้ว ยังอาจเสี่ยงต่อพวกมิจฉาชีพหรือเหตุไม่คาดฝันอื่น ๆ ได้อีกด้วย การมีเครื่องปั่นไฟไว้คอยสำรองช่วยให้บ้านสว่างได้แม้ในยามฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเปิดไฟหน้าบ้าน เปิดกล้องวงจรปิด หรือแค่เปิดไฟในห้องนั่งเล่น ก็ช่วยให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะเลยครับ
เครื่องปั่นไฟ กับบ้านแต่ละประเภท
บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่
- บ้านขนาดใหญ่แบบนี้เรียกได้ว่าใช้ไฟกันทั้งวัน ทั้งปั๊มน้ำที่เปิดอัตโนมัติ เครื่องทำน้ำอุ่นตอนเช้า แอร์หลายตัวที่เปิดพร้อมกันช่วงกลางคืน ไหนจะอุปกรณ์เครื่องครัวอีกสารพัด ถ้าไฟดับขึ้นมาที ก็ปั่นป่วนไปทั้งบ้านแน่นอนครับ
- สำหรับบ้านใหญ่ที่ใช้ไฟเยอะ แนะนำให้ใช้เครื่องปั่นไฟแบบ Standby Generator หรือรุ่นที่มีกำลังไฟประมาณ 5-10 kVA ขึ้นไปครับ รุ่นพวกนี้จะรับภาระได้สบาย ไม่ต้องกลัวว่าเปิดแอร์ เปิดตู้เย็น แล้วไฟจะตกกลางคัน ใช้งานต่อเนื่องได้แบบไม่ต้องห่วง
- แนะนำอย่างยิ่งเลยครับว่าให้เรียกช่างไฟฟ้าที่มีใบรับรองมาช่วยติดตั้งจะดีที่สุด เพราะการเชื่อมเครื่องปั่นไฟเข้ากับระบบไฟหลักของบ้านมันมีความละเอียดอ่อน ถ้าต่อเองแบบผิดวิธี อาจไม่แค่เครื่องพัง แต่ยังเสี่ยงไฟช็อตหรือย้อนกระแสไปยังสายส่งซึ่งอันตรายมาก ๆ เลยครับ ปล่อยให้มืออาชีพจัดการจะสบายใจกว่าเยอะ
ทาวน์โฮมหรือบ้านหลังเล็ก
- บ้านหลังเล็กหรือทาวน์โฮมแบบนี้มักไม่ได้ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเยอะครับ อย่างมากก็เปิดทีวี พัดลม ไฟในบ้าน แล้วก็ตู้เย็นสักตู้ ซึ่งถือว่าใช้ไฟไม่มากนัก ถ้าไฟดับขึ้นมาก็แค่ขอให้ยังมีไฟพอเปิดพัดลมกับตู้เย็นก็สบายใจแล้วครับ
- เครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก 1-3 kVA แบบพกพานี่แหละครับ เหมาะสุด ๆ สำหรับบ้านเล็กที่ต้องการแค่ไฟพอใช้งานพื้นฐาน ไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องยุ่งยาก ขนย้ายง่าย สตาร์ทไม่กี่ที ไฟก็กลับมาใช้งานได้ทันใจเลย
- ถ้าเลือกได้ แนะนำเลือกรุ่นที่เสียงเบา ๆ หน่อยครับ เพราะบางทีเราอาจต้องเปิดตอนดึก หรือเปิดใกล้ ๆ ห้องนอน ยิ่งเงียบเท่าไหร่ก็ยิ่งนอนสบายขึ้น และที่สำคัญควรเป็นรุ่นที่ประหยัดน้ำมันด้วย จะได้ไม่ต้องเติมบ่อย ช่วยประหยัดทั้งเงินและความวุ่นวายครับ
คอนโดมิเนียม
- คอนโดส่วนใหญ่มักจะมีระบบไฟสำรองของโครงการหรือจากนิติบุคคลอยู่แล้วครับ อย่างน้อยก็พอให้ลิฟต์ใช้งานได้ เปิดไฟส่วนกลางบ้าง แต่ถ้าเป็นไฟในห้องพักของเราเอง บางทีอาจไม่ได้สำรองไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะพวกปลั๊กหรืออุปกรณ์ที่เราชาร์จแบตไว้ประจำ เลยต้องคิดเผื่อกันนิดนึงครับ
- แต่ถ้าคุณอยู่ชั้นสูง แล้วอยากมีไฟสำรองไว้ใช้ส่วนตัวแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างชาร์จมือถือ เปิดพัดลมเล็ก หรือเปิดโคมไฟไว้ตอนกลางคืน จะได้ไม่ต้องนั่งมืด ๆ เหงา ๆ รอไฟกลับ เครื่องปั่นไฟเล็ก ๆ ก็ช่วยได้มากเลยครับ
- เครื่องแบบอินเวอร์เตอร์ขนาดเล็กก็เพียงพอครับ เพราะน้ำหนักเบา เสียงเบา และใช้ไฟน้อย เหมาะมากสำหรับคนที่อยู่คอนโด โดยเฉพาะถ้ามีระเบียงเล็ก ๆ เอาไว้ตั้งเครื่องไว้ข้างนอกได้ ไม่รบกวนเพื่อนข้างห้อง แถมยังใช้งานง่ายอีกด้วยครับ
เครื่องปั่นไฟ มีข้อเสียไหม?
เสียงดัง
เครื่องปั่นไฟบางรุ่น โดยเฉพาะพวกที่ใช้เบนซินหรือดีเซลแบบทั่วไป เสียงจะค่อนข้างดังเลยครับ เวลาเปิดใช้งานนี่เรียกได้ว่าเพื่อนบ้านอาจเหลียวมอง หรือถ้าเปิดตอนกลางคืนก็อาจโดนบ่นได้ง่าย ๆ ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ใครตกใจหรือรำคาญเสียงเครื่อง ควรเลือกดูรุ่นที่เงียบหน่อย จะใช้งานสบายใจกว่าครับ
ควันและกลิ่น
แนะนำให้ตั้งเครื่องไว้ในที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวกที่สุดเลยครับ อย่าเผลอเอาไปเปิดในห้องปิดหรือในบ้านเด็ดขาดนะ เพราะควันและก๊าซที่ออกมาจากไอเสียอาจเป็นอันตรายได้มาก บางคนไม่รู้คิดว่าเปิดแป๊บเดียวไม่เป็นไร แต่ความจริงมันอันตรายกว่าที่คิดครับ ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด!
ต้องเติมน้ำมัน และดูแลรักษา
การใช้เครื่องปั่นไฟไม่ได้แค่เปิดแล้วใช้งานได้เลยนะครับ ต้องหมั่นเติมน้ำมันให้พร้อม และดูแลเครื่องให้ฟิตอยู่เสมอด้วย เช่น ลองเช็กหัวเทียนว่าไหม้หรือยัง, เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะ, หรือดูว่าสายไฟมีรอยขาดหรือหลวมตรงไหนหรือเปล่า ทำเป็นประจำจะช่วยให้เครื่องพร้อมใช้งานทันทีเวลาฉุกเฉิน ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าเครื่องจะติดไหมครับ
ราคาเครื่องและต้นทุนระยะยาว
เครื่องปั่นไฟที่คุณภาพดี ๆ หน่อย ราคาก็มักจะเริ่มต้นที่หลักหมื่นครับ บวกกับค่าน้ำมันที่ต้องเติมทุกครั้งที่ใช้งาน ถ้าเป็นบ้านที่ไฟแทบไม่เคยดับเลย ซื้อมาแล้วอาจไม่ได้ใช้งานบ่อยเท่าไหร่ ก็ต้องคิดให้ดีว่าสะดวกใจกับการลงทุนระยะยาวไหม แต่ถ้าไฟดับบ่อย รับรองว่าคุ้มชัวร์ครับ
เลือก เครื่องปั่นไฟ แบบไหนถึงเหมาะกับบ้านคุณ?
พิจารณาจำนวนอุปกรณ์ที่จะใช้
ลองนั่งลิสต์รายการเครื่องใช้ไฟฟ้าดูครับ ว่าเวลาที่ไฟดับขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว อุปกรณ์ไหนที่คุณอยากให้ยังใช้งานได้ เช่น ตู้เย็นสัก 300 วัตต์ พัดลมอีก 80 วัตต์ ไฟส่องสว่างประมาณ 100 วัตต์ รวม ๆ กันก็อยู่ที่ประมาณ 500-600 วัตต์ ซึ่งจริง ๆ แล้วควรเผื่อกำลังไฟไว้สักหน่อย เพื่อให้เครื่องไม่ทำงานหนักเกินไป แนะนำเลือกเครื่องปั่นไฟที่มีกำลังสัก 800-1000 วัตต์ขึ้นไป จะได้ใช้ได้แบบสบายใจ ไม่ต้องกลัวเครื่องตัดครับ
เลือกระบบจ่ายไฟ
- แบบ AVR: ระบบนี้ช่วยควบคุมแรงดันไฟให้คงที่ ไม่กระชากขึ้นลงจนทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสีย เหมาะกับอุปกรณ์ทั่วไปในบ้าน เช่น พัดลม หม้อหุงข้าว หรือไฟส่องสว่างทั่ว ๆ ไปครับ ใช้งานได้สบายใจ ไม่ต้องกลัวไฟกระชากเวลาเปิดเครื่อง
- แบบ Inverter: จุดเด่นคือให้ไฟฟ้าเรียบและเสถียรมาก ๆ เหมาะกับพวกอุปกรณ์ที่ต้องการความแม่นยำของกระแสไฟ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่แพ้ไฟกระชาก ใช้แล้วอุ่นใจครับ เพราะไฟนิ่งไม่สะดุด
พิจารณาเรื่องเสียงและขนาด
- ถ้าบ้านคุณมีพื้นที่จำกัด เช่น อยู่ทาวน์โฮม ห้องแถว หรือมีแค่ระเบียงเล็ก ๆ ให้วางเครื่องได้ แนะนำให้เลือกเครื่องที่เสียงเบาและตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไปครับ อย่างพวกรุ่น Inverter หรือรุ่นพกพาแบบเงียบพิเศษก็ตอบโจทย์มาก เพราะใช้งานได้สบาย ไม่เกะกะ และไม่รบกวนใครตอนใช้งานจริง
เลือกเชื้อเพลิงให้เหมาะ
- เบนซิน: รุ่นที่ใช้เชื้อเพลิงเบนซินนี่เหมาะมากสำหรับมือใหม่ครับ เพราะใช้งานง่าย เติมน้ำมันได้ทั่วไปตามปั๊ม ราคาก็ไม่แรงจนเกินไป โดยเฉพาะรุ่นเล็กที่เน้นพกพาหรือใช้เฉพาะตอนฉุกเฉิน แค่สตาร์ทไม่กี่ทีก็พร้อมใช้งานทันที
- ดีเซล: ถ้าใครต้องใช้แบบหนัก ๆ เปิดนานหลายชั่วโมง หรือเปิดต่อเนื่องเป็นประจำ รุ่นที่ใช้ดีเซลก็ตอบโจทย์ครับ เพราะเครื่องทนกว่าพอสมควร ใช้ในงานก่อสร้างหรือบ้านที่ต้องการไฟเสถียรต่อเนื่องก็เหมาะมาก แถมอัตราการกินน้ำมันก็ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับระยะเวลาการใช้งานครับ
พิจารณาเรื่องงบประมาณ
- ถ้างบยังไม่เยอะ รุ่นเริ่มต้นก็มีให้เลือกอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 8,000 บาทครับ เหมาะกับคนที่อยากเริ่มต้นใช้งานเบา ๆ ไม่เน้นเปิดหลายอย่างพร้อมกัน
- แต่ถ้าอยากได้เครื่องแรงขึ้นอีกหน่อย ใช้งานได้หลายจุดพร้อมกันแบบไม่ต้องลุ้น รุ่นกลางจะอยู่ที่ราว ๆ 10,000 – 20,000 บาท ซึ่งถือว่าใช้งานได้ครอบคลุมมากขึ้น
- ส่วนใครที่อยากติดตั้งถาวร ใช้งานแบบจริงจังไม่ต้องยกเข้าออกให้วุ่นวาย รุ่นใหญ่ที่เชื่อมเข้ากับระบบไฟบ้านจะเริ่มต้นที่ประมาณ 30,000 บาทขึ้นไปครับ ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มในระยะยาว
คำแนะนำในการใช้งานอย่างปลอดภัย
วาง เครื่องปั่นไฟ ในที่โล่ง ไม่อับชื้น
เพราะถ้าปล่อยให้ควันสะสมในที่อับหรือไม่มีลมถ่ายเท มันอาจทำให้หายใจไม่ออก หรือในกรณีร้ายแรงอาจถึงขั้นเกิดอุบัติเหตุได้เลยครับ แนะนำว่าควรตั้งเครื่องไว้ในที่โล่ง โปร่ง ๆ จะได้ใช้งานได้แบบสบายใจ ปลอดภัยทั้งคนในบ้านและตัวเครื่องเองด้วย
อย่าใช้ในพื้นที่ปิด เช่น ในบ้านหรือในห้องเก็บของ
เพราะคาร์บอนมอนอกไซด์ที่ออกมาจากไอเสียของเครื่องปั่นไฟมันมองไม่เห็น ไม่มีกลิ่น แต่ร้ายแรงกว่าที่คิดเยอะครับ! ถ้าเผลอใช้งานในที่ปิดหรืออากาศไม่ถ่ายเท อาจทำให้หมดสติ หรือในกรณีร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย ดังนั้นขอเตือนแบบเป็นห่วงเลยนะครับ อย่าเสี่ยงดีกว่า
ตรวจสอบเครื่องก่อนใช้งานทุกครั้ง
ลองสังเกตน้ำมันเครื่องว่าขาดไหม, เช็กระดับเชื้อเพลิงให้พอใช้งาน, ดูว่ามีสายไฟเสื่อมหรือหักงอหรือเปล่า และอย่าลืมดูปลั๊กพ่วงด้วยว่าแน่นดีไหม ไม่มีรอยละลายหรือไหม้ ทุกอย่างต้องพร้อมก่อนสตาร์ท จะได้ใช้งานได้แบบอุ่นใจครับ
ไม่ต่อไฟเข้าระบบบ้านเองถ้าไม่มีความรู้
หากต้องการเชื่อมต่อไฟจากเครื่องเข้าระบบบ้าน ควรให้ช่างไฟฟ้ามืออาชีพดำเนินการ เพื่อป้องกันการย้อนกลับของกระแสไฟไปยังเสาไฟฟ้า ซึ่งอันตรายมาก
สรุป
หากคุณอยู่ในพื้นที่ที่ไฟดับบ่อย มีคนในบ้านที่ต้องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าจำเป็น หรือมีของใช้ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ เช่น ตู้เย็น/ตู้แช่ การมีเครื่องปั่นไฟถือว่า คุ้มค่าและจำเป็น แต่ถ้าคุณอยู่คอนโดในเมืองใหญ่ที่ไฟดับปีละไม่กี่ครั้ง และใช้อุปกรณ์พื้นฐานไม่มาก อาจไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อเครื่องใหญ่ ๆ แค่ไฟฉาย แบตสำรอง หรือโซลาร์เพาเวอร์แบงค์ก็อาจเพียงพอแล้ว