คุณเคยเจอเหตุการณ์นี้ไหมครับ? สั่งซื้อ มอเตอร์ไฟฟ้า เกรด IE3 ที่เคลมว่าประหยัดไฟสุดๆ แต่พอติดตั้งเสร็จ ใช้งานไปได้ไม่กี่เดือน มอเตอร์ไฟฟ้า กลับร้อนจัด เสียงครางฮึ่มๆ เหมือนคนหมดแรง และสุดท้าย… “ควันขึ้น” ถึงกับหน้าซีด กุมขมับ เลย คำถามคือ “มอเตอร์ไฟฟ้า ไม่ได้มาตรฐานหรือเปล่า?” หรือ “ใช้งานผิดประเภทไหม?” แต่จากประสบการณ์ที่เราได้คุยกับช่าง มันมีจุดหนึ่งที่มักถูกมองข้ามที่สุดคือ “ขนาดและคุณภาพของสายไฟ” ครับ
เปรียบเทียบง่ายๆ ครับ มอเตอร์ไฟฟ้า ก็เหมือน หัวใจ ที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ส่วน “สายไฟ” ก็คือ “เส้นเลือด” ต่อให้หัวใจคุณแข็งแรงระดับนักกีฬาโอลิมปิก แต่ถ้าเส้นเลือดตีบตัน (สายไฟเล็กเกินไป) หรือเส้นเลือดรั่ว (จุดต่อหลวม) เลือดก็ไปเลี้ยงร่างกายไม่ทัน หัวใจก็ต้องทำงานหนักจนวายในที่สุด
ในบทความนี้ เราจะพาเจาะลึกในมุมที่คุณอาจไม่เคยรู้ ว่าสายไฟเส้นเล็กๆ มีอิทธิพลต่ออายุขัยและประสิทธิภาพของเครื่องจักรในโรงงานคุณขนาดไหน

วิทยาศาสตร์เบื้องหลังความพัง (Voltage Drop คือศัตรูตัวฉกาจ)
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เราต้องคุยกันด้วยหลักการวิศวกรรมเล็กน้อย ในทางไฟฟ้า เรามีกฎเหล็กที่เรียกว่า กฎของโอห์ม และเรื่องของ แรงดันตก
- แรงดันไฟฟ้า (Voltage – V) : คือ แรงดันน้ำจากก๊อก
- กระแสไฟฟ้า (Current – I) : คือ ปริมาณน้ำที่ไหลออกมา
- ความต้านทาน (Resistance – R) : คือ ขนาดของสายยาง (ยิ่งเล็ก ยิ่งยาว = ความต้านทานยิ่งสูง)
มอเตอร์ไฟฟ้า ถูกออกแบบมาให้ทำงานที่แรงดันไฟคงที่ (เช่น 220V หรือ 380V) หากคุณใช้ สายไฟที่มีขนาดเล็กเกินไป หรือ ลากสายยาวเกินไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือ “ความต้านทานในสายเพิ่มขึ้น” ทำให้แรงดันไฟฟ้าที่เดินทางไปถึงตัวมอเตอร์ “ลดลง” (Voltage Drop)
หายนะของ มอเตอร์ไฟฟ้า ที่ไฟมาไม่เต็ม
เมื่อแรงดันไฟ (V) ตก… แต่ มอเตอร์ไฟฟ้า ต้องการกำลังงาน (Power – P) เท่าเดิมเพื่อขับโหลด (เช่น ขับใบพัดปั๊มน้ำ หรือหมุนสายพาน) เมื่อ V (แรงดัน) ลดลง มอเตอร์ไฟฟ้า จะพยายามดึง กระแส เพิ่มขึ้น เพื่อรักษา Power ให้เท่าเดิม!
- ความร้อนสะสม (Heat Build-up): กระแสที่ไหลเกินพิกัดจะทำให้ขดลวดภายใน มอเตอร์ไฟฟ้า ร้อนจัด ฉนวนเคลือบขดลวด (Insulation Class) จะเสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด
- แรงบิดตก (Torque Loss): แรงบิดของมอเตอร์แปรผันตรงกับ กำลังสองของแรงดั ตัวอย่าง: ถ้าแรงดันตกไปแค่ 10% แรงบิดสตาร์ทอาจหายไปถึง 19-20% ทำให้มอเตอร์สตาร์ทไม่ออก หรือหมุนช้ากว่ารอบที่ควรจะเป็น
- ค่าไฟพุ่ง (Energy Waste): พลังงานส่วนเกินที่สูญเสียไปในรูปแบบความร้อนในสายไฟ คือเงินที่คุณต้องจ่ายให้การไฟฟ้าฟรีๆ ทุกเดือน
Pro Tip อย่าดูแค่ Amp (แอมป์) ของมอเตอร์ตอนรันปกติ (Running Current) แต่ต้องดู “ระยะทาง” จากตู้ไฟถึงหน้างานด้วย ยิ่งไกล สายยิ่งต้องใหญ่ขึ้นเพื่อชดเชย Voltage Drop ครับ
มอเตอร์ไฟฟ้า ผลกระทบต่อ ปั๊มน้ำ และ เครื่องมือเกษตร”
ยกตัวอย่างเคสปั๊มซัมเมอร์ คือมันไหม้
- สาเหตุ: สายไฟที่หย่อนลงไปในบ่อลึก มักจะมีความยาวมาก (50-100 เมตร) ผู้ใช้งานบางท่านเลือกใช้สายไฟ VCT ธรรมดาขนาด 2×1.5 sq.mm. เพราะเห็นว่าราคาถูกและปั๊มกินไฟไม่กี่แอมป์
- ความจริง: ระยะทาง 100 เมตร ทำให้เกิด Voltage Drop มหาศาล ไฟที่ไปถึงปั๊มอาจเหลือแค่ 190V จากต้นทาง 220V มอเตอร์ปั๊มต้องทำงานหนักตลอดเวลา บวกกับการระบายความร้อนในบ่อที่จำกัด ทำให้ขดลวดไหม้ในที่สุด
- ทางแก้: ต้องคำนวณเผื่อระยะทางเสมอ สำหรับงานปั๊มน้ำบาดาล เราแนะนำให้ใช้สายไฟสำหรับปั๊มโดยเฉพาะ (Flat Cable) ที่กันน้ำได้ดีและมีขนาดทองแดงที่ใหญ่พอที่จะส่งกระแสไฟได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
เคสเครื่องตัดหญ้า และเครื่องมือเกษตรไฟฟ้า
สำหรับเครื่องมือเกษตรแบบเสียบปลั๊ก เช่น เครื่องย่อยกิ่งไม้ หรือเครื่องตัดหญ้าไฟฟ้า การใช้ “ปลั๊กพ่วงราคาถูก” (สายไฟเส้นเล็กๆ) คือการฆ่าเครื่องมือของคุณทางอ้อม สายไฟที่เล็กเกินไปทำให้รอบ มอเตอร์ไฟฟ้า ตก ตัดไม่ขาด และเครื่องร้อนจี๋
- แนะนำให้ใช้ สายไฟ VCT ขนาด 2×2.5 sq.mm. ขึ้นไป สำหรับการลากสายยาวๆ ในสวน เพื่อให้เครื่องมือทำงานได้เต็มประสิทธิภาพครับ
ช่วงเวลาวิกฤตที่สายไฟต้องรับบทหนักของ มอเตอร์ไฟฟ้า
คุณทราบไหมครับว่า ช่วงเวลาที่ มอเตอร์ไฟฟ้า กินไฟ โหดร้ายที่สุด คือตอนสตาร์ทครับ มอเตอร์ไฟฟ้า เหนี่ยวนำ (Induction Motor) ทั่วไป จะมีกระแสสตาร์ทสูงถึง 5 ถึง 7 เท่า ของกระแสพิกัดปกติ! สมมติมอเตอร์กินไฟปกติ 10 แอมป์ ตอนกดปุ่ม Start วินาทีแรก มันอาจกระชากไปถึง 50-70 แอมป์! ถ้าสายไฟของคุณมีขนาด “พอดีเกินไป” ช่วงจังหวะกระชากนี้จะทำให้เกิดไฟตกวูบอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลเสียได้
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นรวน: ถ้าในวงจรเดียวกันมี PLC, Sensor หรือระบบควบคุมอัตโนมัติ ไฟตกวูบอาจทำให้ระบบพวกนี้ Reset หรือ Error ได้
- คอนแทคเตอร์สั่น ไฟเลี้ยงคอยล์ไม่พอ ทำให้หน้าสัมผัสอาร์ก (Arc) จนละลาย
- มอเตอร์สตาร์ทไม่ออก มอเตอร์ไฟฟ้า จะครางฮึ่มๆ แต่ไม่หมุน ซึ่งเสี่ยงต่อการไหม้สูงมาก
Solution : การเลือกสายไฟ สำหรับโหลด มอเตอร์ไฟฟ้า จึงต้องเผื่อค่า Safety Factor ให้รองรับกระแสช่วงสตาร์ทได้ โดยไม่ทำให้แรงดันตกเกินมาตรฐาน (ปกติไม่ควรเกิน 3-5%)

จุดต่อสายกับ มอเตอร์ไฟฟ้า – เรื่องเล็กที่กลายเป็นเรื่องใหญ่
นอกจากขนาดของสายไฟแล้ว คุณภาพการเข้าหัวสาย คืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการสั่นสะเทือน ตลอดเวลา เช่น ปั๊มลม เครื่องปั่นไฟ การขันสกรูยึดสายไฟเข้ากับขั้วมอเตอร์เฉยๆ โดยไม่ใช้ หางปลาหรือใช้หางปลาเกรดต่ำ เป็นความเสี่ยงระดับสูง
เมื่อจุดต่อหลวม จะเกิดความต้านทานสูงตรงจุดสัมผัส เมื่อกระแสไหลผ่านจะเกิดความร้อนสะสมจนฉนวนละลาย หรือเกิดประกายไฟ เครื่องมือช่างที่จำเป็น การเข้าหัวสายที่ดี ต้องใช้ คีมย้ำหางปลา ที่ได้มาตรฐาน ย้ำแล้วแน่นสนิท ไม่คลายตัว และควรใช้ ประแจปอนด์ในการขันน็อตขั้วสายไฟให้ได้ค่า Torque ตามสเปคผู้ผลิต
สายไฟกับความปลอดภัยของ มอเตอร์ไฟฟ้า
อ้างอิงจากเอกสาร อุปกรณ์เซฟตี้ ที่เราให้ความสำคัญ เรื่องความปลอดภัยไม่ได้มีแค่หมวกนิรภัยหรือเข็มขัดกันตก แต่รวมถึง Electrical Safety ด้วย สายไฟที่ร้อนจัดจากการรับโหลดเกิน หรือฉนวนที่เปื่อยยุ่ยจากความร้อนสะสม เสี่ยงต่อการเกิด ไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของเพลิงไหม้โรงงาน
มาตรฐานฉนวนสายไฟ
สายไฟไม่ได้เหมือนกันหมด ฉนวนแต่ละชนิดทนความร้อนได้ต่างกัน
- PVC (เช่น สาย VCT, THW): ทนอุณหภูมิใช้งานได้ประมาณ 70°C
- XLPE (เช่น สาย CV): ทนอุณหภูมิได้สูงถึง 90°C
หากโรงงานของคุณเดินสายไฟในรางปิดทึบ หรือเดินตากแดดบนดาดฟ้า อุณหภูมิรอบข้าง จะสูงขึ้น ความสามารถในการนำกระแสของสายไฟ จะลดลง! ถ้าคุณใช้สายไฟสเปคเดิมในที่ที่ร้อนขึ้น สายไฟจะรับภาระไม่ไหวและฉนวนจะละลาย
ดังนั้น: การเลือกชนิดฉนวนสายไฟ ให้เหมาะสมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า และสภาพแวดล้อมหน้างาน จึงเป็นเรื่องที่วิศวกรโรงงานต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว
วิธีตรวจสอบและดูแลรักษา สายไฟ กับ มอเตอร์ไฟฟ้า
เราขอแนะนำวิธีตรวจสอบง่ายๆเพื่อเช็คว่า “สายไฟ” ของคุณกำลังทำร้าย “มอเตอร์ไฟฟ้า” อยู่ไหม?
- จับดูรู้เรื่อง หลังจากมอเตอร์เดินเครื่องไปสักพัก (และตัดไฟแล้ว หรือใช้หลังมือสัมผัสฉนวนภายนอกด้วยความระมัดระวัง) ลองจับที่ตัวสายไฟดูครับ ถ้าสายไฟ “อุ่นจนร้อน” แสดงว่าสายไฟเล็กเกินไป หรือขั้วต่อหลวม
- ใช้กล้องส่องความร้อน นี่คือวิธีที่ Pro ที่สุด! ส่องไปที่ตู้คอนโทรลและขั้วมอเตอร์ ถ้าเห็นจุดแดง ที่ขั้วต่อ หรือเห็นสายไฟแดงทั้งเส้น รู้ได้ทันทีว่ามีความผิดปกติ
- วัดแรงดันต้นทาง vs ปลายทาง ใช้มัลติมิเตอร์ วัดไฟที่ตู้เมน เทียบกับไฟที่ขั้ว มอเตอร์ไฟฟ้า ขณะเครื่องจักรทำงาน
- ถ้าต้นทางมา 220V แต่ปลายทางเหลือ 200V… งานเข้าแล้วครับ! ต้องรีบเปลี่ยนสายไฟด่วน
- ตรวจสอบค่ากระแส ใช้แคลมป์มิเตอร์คล้องสายไฟแต่ละเฟส ค่ากระแสต้องสมดุลกัน (สำหรับไฟ 3 เฟส) และไม่เกินพิกัดสายไฟ

สรุป… ลงทุนกับ “สายไฟ” วันนี้ ประหยัดค่า “มอเตอร์ไฟฟ้า” ในวันหน้า
การเลือกซื้อสายไฟ ก็เหมือนการซื้อประกันชีวิตให้กับ มอเตอร์ไฟฟ้า ของคุณครับ สายไฟราคาถูก/ไม่ได้มาตรฐาน ประหยัดงบวันนี้ แต่แลกมาด้วยค่าไฟที่แพงขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้า พังเร็ว เทียบกับ สายไฟคุณภาพ/ขนาดถูกต้อง ลงทุนสูงกว่านิดหน่อย แต่ มอเตอร์ไฟฟ้า ปเดินนิ่ง เสถียร ปลอดภัย และยืดอายุการใช้งานไปได้อีกนาน
itoolmart.com เราไม่ได้ขายแค่เครื่องมือช่าง แต่เราขาย “ความมั่นใจ” และ “โซลูชั่น” สำหรับงานช่างมืออาชีพ
หากคุณกำลังมองหา:
- เครื่องมือสำหรับงานไฟฟ้า: คีมย้ำหางปลา, คีมปอกสายไฟ, ไขควงหุ้มฉนวน VDE
- เครื่องมือวัด: มัลติมิเตอร์, แคลมป์มิเตอร์, กล้องส่องความร้อน
- เครื่องจักรคุณภาพ: ปั๊มน้ำ, เครื่องปั่นไฟ, มอเตอร์ไฟฟ้า, เครื่องมือเกษตร
เราคัดสรรเฉพาะสินค้าแบรนด์ชั้นนำ ของแท้ 100% มีใบรับประกัน พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษา ไม่ใช่แค่ขายแล้วจบไป แต่เราดูแลให้คุณได้ของที่ “คุ้มค่า” และ “ตอบโจทย์” หน้างานที่สุด
