เลือก กระดาษทราย ผิด งานอาจพังได้! รวมวิธีดูง่าย ๆ ก่อนพลาด

กระดาษทราย

เคยสงสัยไหมครับว่า กระดาษทราย ที่มีหลายเบอร์ หลายประเภท หลายยี่ห้อ เวลาเลือกจริง ๆ เขาดูกันที่ตรงไหน? หรือ ใครเคยซื้อมาแล้วใช้ผิดงานบ้างครับ? ตอนเด็กผมเคยต้องทำงานศิลปะที่โรงเรียน คิดว่าแค่ “หยิบอันไหนก็ได้” เลือกอันที่สีสวย ใช้ขัดได้เหมือนกันหมด สุดท้ายเอามาขัดไม้ ขัดไม่ได้เลยครับ เพราะมันละเอียดเกินไป ขัดยังไงก็ไม่กินเนื้อ 

ความจริงแล้วการเลือกกระดาษทรายไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมันคือขั้นตอนสำคัญที่จะชี้ชะตาคุณภาพงานทั้งหมด ลองจินตนาการดูว่าคุณกำลังจะทำงานไม้สักสวย ๆ แต่เลือกเบอร์หยาบเกินไป เพียงไม่กี่นาทีที่ขัดลงไป ผิวไม้ที่ควรจะเนียนกลับเต็มไปด้วยรอยลึกที่แก้ยากมาก หรือในทางกลับกัน ถ้าคุณจะลอกสนิมออกจากเหล็กแต่ดันใช้กระดาษทรายละเอียดเกินไป สนิมก็ไม่หลุด งานก็ไม่เดิน 

สิ่งที่น่าสนใจคือ หลายครั้งเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังใช้ผิด จนกว่างานจะพังไปต่อหน้าต่อตา นั่นแหละครับถึงจะรู้ว่าความสำคัญของการเลือกกระดาษทรายนั้นอยู่ตรงไหน วันนี้ผมจะพามาดูเรื่องนี้แบบละเอียด ๆ เหมือนเม็ดทรายเบอร์ 400 ว่าถ้าเลือกผิดจะเกิดผลไม่ดียังไงบ้าง และต้องเลือกยังไงให้ได้กระดาษทรายที่ถูกต้องจริง

การเลือกใช้ กระดาษทราย ทำไมถึงสำคัญกว่าที่คิด?

กระดาษทราย ดูเป็นเพียงวัสดุสิ้นเปลืองเล็ก ๆ ใช้แล้วหมดไป ก็เปลี่ยนใหม่ ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วกระดาษทรายเป็นตัวกำหนด “ผิวงาน” นะครับ และหลาย ๆ คนก็เคยพลาดมาแล้ว

คำถามคือ ทำไมถึงเลือกผิดกันบ่อยล่ะ? ส่วนใหญ่เกิดจากความไม่รู้ว่า แต่ละเบอร์ของกระดาษทรายมีหน้าที่ต่างกันยังไงนี่แหละครับ

เบอร์กระดาษทราย ละเอียด กับหยาบ ดูยังไง? 

ก่อนอื่นผมอยากเกริ่นก่อนครับว่า เวลาที่เราจะซื้อกระดาษทราย หลายคนอาจสับสนกับตัวเลขน้อยเลขมากพวกนี้บอกอะไรเราได้บ้าง จริง ๆ แล้วตัวเลขดหล่านี้เป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลกเลยครับ ใช้ในการระบุระดับความหยาบละเอียดของเม็ดทรายบนกระดาษ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าเข้าใจหลักการของเบอร์กระดาษทราย เราจะสามารถเลือกให้ตรงงานได้ทันที ไม่ต้องเดา ไม่ต้องลองผิดลองถูก

กระดาษทราย

เข้าใจหลักการของเบอร์

สิ่งที่หลายคนมักงงก็คือ ไม่รู้จะหยิบกระดาษทรายเบอร์ไหนดี หลักการง่าย ๆ ครับ คือ ตัวเลขยิ่งน้อย ยิ่งหยาบ ตัวเลขยิ่งมาก ยิ่งละเอียด เช่น อย่าจำสลับกันนะครับ เพราะสิ่งที่ได้จะตรงกันข้ามกับความต้องการเลย ที่นี่เรามาดูกันแบบคร่าง ๆ ครับว่า ควรใช้เบอร์ไหนกับอะไรบ้าง

  • เบอร์ 40 – 60: ขัดหยาบ ใช้ลอกผิว ลอกสี หรือปรับระดับ
  • เบอร์ 80 – 120: ขัดปรับผิวไม้ โลหะ ก่อนทำงานต่อ
  • เบอร์ 180 – 240: ขัดเตรียมงานสี ให้ผิวเรียบ
  • เบอร์ 400 ขึ้นไป: ขัดละเอียด งานเนียน เก็บงานสุดท้าย

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ถ้าไม่ดูเลขเบอร์กระดาษทรายเลย ใช้แค่สัมผัสด้วยมือลูบดู จะพอรู้ได้ไหมว่ามันหยาบหรือละเอียด? คำตอบคือพอรู้คร่าว ๆ ได้ครับ ว่าอันไหนหยาบกว่า อันไหนละเอียดกว่า แต่ไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่ามันคือเบอร์อะไร 

บางครั้งกระดาษทรายราคาถูกก็อาจจะไม่ได้มาตรฐาน ตัวเลขอาจไม่ตรงกับความหยาบจริงก็มีนะครับ อันนี้ช่างหลายคนเคยเจอ เลยแนะนำว่า ให้ลองสัมผัสดูด้วยว่าเม็ดทรายมันหยาบ หรือละเอียดแค่ไหน และสังเกตเนื้อกระดาษด้วยว่ามีความหนาแน่นเพียงพอ หรือไม่ บางทีเจอแบบที่เม็ดทรายหลุดง่าย ใช้ขัดไปไม่กี่ครั้งก็ตายสนิทแล้ว แบบนี้ถึงแม้ราคาจะถูก แต่จริง ๆ แล้วกลับเปลืองกว่ามาก เพราะต้องเปลี่ยนบ่อย และเสียเวลาในการทำงานเพิ่มอีกครับ 

เลือก กระดาษทราย ผิดแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?

เวลาที่เราจะพูดถึงการเลือกกระดาษทรายผิด หลายคนอาจจะยังไม่เห็นภาพชัดเจนว่ามันมีผลต่อผลงานแค่ไหน แต่การเลือกเบอร์ผิด นั้น สามารถทำให้ทุกสิ่งที่คุณตั้งใจไว้พังลงได้ทันทีครับ หลายคนเคยเจอ ตั้งใจจะทำงานไม้ให้เนียนสวย แต่ผลลัพธ์ออกมานั้นตรงกันข้ามเลย กลับกลายเป็นว่างานพังจนต้องเสียเวลาแก้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราควรใส่ใจขั้นตอนการเลือกกระดาษทรายมากกว่าที่คิด 

งานไม้พังแบบไม่รู้ตัว

ถ้าคุณเลือกกระดาษทรายหยาบเกินไปกับงานไม้ที่ต้องการความเรียบ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ หรือเฟอร์นิเจอร์ งานจะเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนที่ลึกมาก บางทีลบยังไงก็ไม่หาย ต้องโป๊วหรือทำใหม่

งานเหล็กก็ไม่รอด

กับงานเหล็ก ถ้าเลือกเบอร์ละเอียดเกินไป ขัดสนิมไม่ออก เสียเวลาเปล่า ๆ แต่ถ้าเลือกหยาบเกินไป ก็จะทำให้ผิวเหล็กเป็นรอยลึก จนเวลาทาสีต่อ สีไม่เรียบ เนื้อสีเกาะไม่ดี

งานรถยนต์ เสียหายหนักกว่า

สำหรับงานสีรถยนต์ ใช้กระดาษทรายผิดเบอร์บอกเลยว่างานเข้าแน่นอนครับ เลือกเบอร์หยาบไปทีเดียว รอยลึกจนต้องทำสีใหม่หมด เสียค่าใช้จ่ายเยอะมากกว่าเดิม

การเลือก กระดาษทราย ให้ถูกงาน

หลาย ๆ คนที่กำลังสงสัยว่า การเลือกกระดาษทรายมันต้องคิดเยอะขนาดนั้นเลยหรือ? ผมขอบอกเลยครับว่าใช่ เพราะฉะนั้นหัวข้อนี้เราจะมาดูกันคร่าว ๆ ว่าควรใช้หลักอะไรเป็นตัวตัดสินใจ

ดูที่วัสดุ

  • งานไม้: เริ่มหยาบก่อน แล้วค่อย ๆ ไล่ละเอียด
  • งานเหล็ก: ใช้เบอร์หยาบลอกสนิม แล้วตามด้วยเบอร์ละเอียดเพื่อให้เรียบ
  • งานสีรถ: เน้นละเอียดมาก ๆ อย่างเบอร์ 1000 ขึ้นไป

แบรนด์ก็สำคัญ

กระดาษทรายถูก ๆ อาจจะหมดเร็ว สึกไว แต่กระดาษทรายดี ๆ ได้มาตรฐาน หรือแบรนด์งานช่างจริง ๆ อย่าง Klingspor, Bosch, หรือ 3M จะทนทานกว่า ใช้งานได้ยาวกว่า ถึงจะแพงกว่านิด แต่รวม ๆ แล้วคุ้มกว่า 

กระดาษทราย

สัญญาณเตือนว่าใช้ กระดาษทราย ผิด

หลายคนอาจยังสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังใช้กระดาษทรายผิดอยู่หรือเปล่า? จริง ๆ แล้วมันมีสัญญาณบางอย่างที่คอยบอกเราอยู่ครับ เพียงแต่ต้องสังเกตให้ดี ๆ ซึ่งแต่ละอาการก็มีที่มาที่ไปและควรรีบแก้ไขก่อนที่งานจะเสียหายไปมากกว่านี้! 

1. ขัดแล้วเป็นรอยลึกเกินไป

อาการนี้เกิดขึ้นบ่อยกับคนที่เผลอเลือกกระดาษทรายหยาบเกินความจำเป็นครับ เวลาใช้งานเม็ดทรายจะกินเนื้อวัสดุแรงมาก ทำให้ผิวเต็มไปด้วยรอยขีดลึก ๆ ซึ่งไม่สามารถแก้ได้ง่าย ๆ ต้องเสียเวลาใช้กระดาษทรายละเอียดขัดซ้ำหลายรอบเพื่อเก็บรอย หรือบางกรณีต้องโป๊วใหม่ งานไม้หรือโลหะจึงเสียหายหนักกว่าเดิม

2. ขัดแล้วไม่เรียบอย่างที่ตั้งใจ

กรณีนี้มักเกิดจากการใช้กระดาษทรายละเอียดเกินไปตั้งแต่แรกครับ ทำให้ไม่สามารถเก็บงาน หรือปรับระดับผิวที่ไม่สม่ำเสมอได้จริง ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงยังเป็นคลื่น หรือเป็นรอยต่ออยู่ แม้จะรู้สึกว่าขัดแล้ว แต่พอมองในแสงสะท้อนจะเห็นชัดเจนว่าผิวไม่เนียน การแก้ไขคือต้องกลับมาใช้เบอร์หยาบก่อน แล้วค่อยไล่ขึ้นไปทีละระดับจนกว่าจะได้ผิวที่เรียบจริง

3. กระดาษทรายหมดไวผิดปกติ

นี่คืออีกสัญญาณที่บอกว่าคุณอาจกำลังใช้กระดาษทรายผิดประเภทหรือผิดเบอร์ครับ เช่น ใช้กระดาษทรายละเอียดไปขัดงานหยาบ ๆ อย่างการลอกสนิม หรือขัดปูน ผลคือเม็ดทรายจะหลุดออกไวมาก กระดาษสึกจนไม่เหลือประสิทธิภาพ ทั้งที่ควรจะทนกว่านี้ วิธีแก้คือเลือกเบอร์ให้เหมาะกับลักษณะงาน ไม่งั้นต่อให้ซื้อกระดาษทรายแพงแค่ไหนก็หมดเร็วเหมือนเดิม

4. ขัดแล้วผิวงานเสียหาย ต้องซ่อมซ้ำ

นี่คือจุดที่หนักที่สุดครับ เพราะถ้าเลือกกระดาษทรายผิดจนทำให้ผิววัสดุเสียหาย เช่น ไม้เป็นรอยลึกจนเนื้อหาย เหล็กบางลงเพราะขัดแรงเกินไป หรือสีรถถูกขัดจนทะลุ วิธีแก้ไม่ใช่แค่ขัดซ้ำ แต่ต้องซ่อมงานใหม่ทั้งหมด บางทีต้องใช้โป๊ว อุดร่อง หรือทำสีใหม่เลยก็มี ซึ่งเสียทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายมากกว่าการเลือกให้ถูกตั้งแต่แรกหลายเท่า

ถ้าเจออาการพวกนี้ ให้ลองย้อนกลับมาดูเลยครับว่ากำลังใช้เบอร์ไม่ตรงงานหรือเปล่า และอีกหนึ่งวิธีที่สามารถใช้ได้คือ การลองขัดกับวัสดุทดสอบก่อนเสมอครับ เช่นเศษไม้ เศษเหล็ก หรือชิ้นงานที่ไม่ได้ใช้จริง วิธีนี้ช่วยให้เรารู้ว่ากระดาษทรายที่เลือกมากัดกินผิวมากหรือน้อยเกินไป เหมาะกับงานที่จะทำหรือเปล่า ถือว่าเป็นการป้องกันไม่ให้พลาดไปขัดชิ้นงานจริงจนเสียหาย

เราควรมี กระดาษทราย แบบไหนติดโต๊ะทำงาน?

ผมแนะนำว่าให้มีติดไว้หลายเบอร์เลยครับ อย่างน้อยก็ เบอร์ตั้งแต่สองหลัก ไล่ไปถึง 400 ขึ้นไป เพราะงานแต่ละแบบไม่มีสูตรตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าเจอผิวแบบไหน ต้องการความเนียนระดับใด ไม้ 2 ชิ้น ซื้อมาจากที่เดียวกัน อันนึงหยาบเสี้ยนเยอะ อันนึงเนียนกรบ ก็มีครับ 

แต่ถ้ามีชุดกระดาษทรายครบ ๆ คุณจะหยิบใช้ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งไปซื้อใหม่

ยิ่งไปกว่านั้น การมีหลายเบอร์ติดไว้ยังช่วยให้คุณปรับการทำงานได้ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น ถ้าเริ่มจากขัดหยาบแล้วพบว่ายังเหลือคราบ หรือรอยขรุขระอยู่ คุณสามารถเปลี่ยนไปใช้เบอร์กลางก่อนจะขยับไปสู่เบอร์ละเอียด ทำให้งานออกมาเนียนกริบโดยไม่ต้องแก้หลายรอบ

และที่สำคัญ การเตรียมเบอร์หลากหลายยังช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าต้องเจอกับงานไม้ เหล็ก ปูน หรืองานซ่อมสีรถ คุณก็พร้อมรับมือได้ทุกสถานการณ์ครับ 

กระดาษทราย

สรุป: กระดาษทราย ไม่ได้เล็กน้อยอย่างที่คิด

อ่านมาถึงตรงนี้ ผมเชื่อว่าคุณคงเห็นแล้วครับว่าแค่เลือก กระดาษทราย ผิด งานก็พังได้จริง ๆ เพราะฉะนั้นก่อนซื้อ อย่าคิดว่าอะไรก็ได้ แต่ให้ถามตัวเองก่อนว่า จะขัดวัสดุอะไร? ต้องการผลลัพธ์ผิวงานแบบไหน? และขัดมือหรือ ใช้เครื่องขัดกระดาษทราย?

เมื่อมีคำตอบครบ เลือกให้ถูก งานที่ได้ก็จะออกมาเนียนกริบ ไม่เสียเวลา ไม่เสียของ และที่สำคัญ ไม่เสียอารมณ์ครับ!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *